Archive for the ‘บริการ’ Category

การออกแบบสร้างโบสถ์ควรคำนึงถึงบริเวณการก่อสร้างหอระฆังและมีการกำหนดให้ใช้หอระฆัง

Monday, December 22nd, 2014

5

ลานหน้าโบสถ์ มีความสำคัญมาก เพราะลานนี้จะแสดงออกถึงคุณค่าของการต้อนรับเป็นด่านแรก บางครั้งใช้ลานดังกล่าวในการประกอบพิธี หรือบางทีก็ใช้เป็นทางผ่านเข้าเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างภายนอกโบสถ์และภายในโบสถ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อการปรับสภาพจิตใจจากความสับสนวุ่นวายของชีวิตภายนอก เตรียมจิตใจเข้าสู่ความสงบภายในโบสถ์ระเบียงทางเข้าสู่อาคารโบสถ์ การสร้างโบสถ์ในคติเดิมเพื่อจะผ่านเข้าสู่โถงภายในอาคารโบสถ์ จะต้องผ่านระเบียงทางเข้าสู่อาคารโบสถ์ที่เรียกกันว่า Atrium หรือ Nathex ก่อนและบริเวณนั้นจะมีประตูโบสถ์อยู่ ระเบียงนี้ คือ บริเวณที่ให้การต้อนรับบรรดาสัตบุรุษผู้มาร่วมพิธี ซึ่งเปรียบเสมือนพระศาสนจักรเหมือน”มารดาผู้ให้กรต้อนรับลูกๆของพวกเธอ” และประตูทางเข้าโบสถ์ก็เปรียบเสมือน”พระคริสตเจ้า ผูทรงเป็นประตูของบรรดาแกะทั้งหลาย”

หอระฆัง ในการออกแบบสร้างโบสถ์ ควรคำนึงถึงบริเวณการก่อสร้างหอระฆัง และมีการกำหนดให้ใช้หอระฆัง เพื่อประโยชน์ใช้สอยแบบดั้งเดิม นั่นคือ การเรียกสัตบุรุษให้มาร่วมชุมนุมในวันพระจ้า หรือเป็นการแสดงออกถึงวันฉลองและสมโภช รวมทั้งเป็นการสื่อสารให้ทราบกันด้วยสัญญาณเคาะระฆังรูปพระ สอดคล้องกับธรรมเนียมดั้งเดิมของศาสนจักร พระรูปของพระคริสตเจ้า พระแม่มารี และนักบุญได้รับการเคารพในโบสถ์ต่างๆ แต่รูปพระเหล่านี้จะต้องจัดวางในลักษณะที่จะไม่ทำมให้สัตบุรุษวอกแวกไปจากการประกอบพิธีที่กำลังดำเนินอยู่และไม่ควรจำนวนมาก และจะต้องไม่มีรูปนักบุญองค์เดียวกันมากกว่าหนึ่งรูป รวมทั้งจัดขนาดให้เหมาะสมอ่างน้ำเสก เตือนให้รำลึกถึงอ่างล้างบาป และน้ำเสกที่สัตบุรุษใช้ทำเครื่องหมายกางเขนบนตนเองนั้น เป็นการเตือนใจให้ระลึกถึงศีลล้างบาปที่เราได้รับ ด้วยเหตูนี้เองที่อ่างน้ำเสกจึงตั้งไว้ตรงทางเข้าโบสถ์ มีรูปแบบและรูปทรงสอดคล้องกับอ่างล้างบาป

รูปสิบสี่ภาค ไม่ว่ารูปสิบสี่ภาคจะประกอบด้วยพระรูปพร้อมทั้งไม้กางเขน หรือมีเฉพาะไม้กางเขนเพียงอย่างเดียว ก็ให้ประดิษฐานไว้ในโบสถ์ หรือ ณ สถานที่เหมาะสมสำหรับติดตั้งรูปสิบสี่ภาค เพื่อความสะดวกของสัตบุรุษ เครื่องเรือนศักดิ์สิทธิ์ การประกอบพิธีกรรมของคริสตชนต้องใช้อุปกรณ์หลายอย่างทั้งที่เป็นโครงสร้างถาวรและที่เป็นแบบเคลื่อนย้ายได้ มีทั้งเป็นเครื่องเรือนหรือภาชนะ เราใช้ชื่อรวมเรียกอุปกรณ์เหล่านี้ว่า “เครื่องเรือนศักดิ์สิทธิ์” หรือ “เครื่องเรือนพิธีกรรม” ซึ่งหมายถึง อุปกรณ์เหล่านั้นซึ่งมีไว้ใช้สอยในระหว่างการประกอบพิธีการปฏิรูปพิธีกรรมสังคายนาก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ด้วย “พระศาสนจักรเอาใจใส่กวดขันเป็นพิเศษ ให้เครื่องเรือนที่ใช้ในศาสนา สวยงามสมที่จะช่วยให้ครวกิจมีความสง่างาม พระศาสนจักรจึงยอมให้มีการเปลี่ยนปลงรูปทรง การตกแต่งที่เกิดจากความก้าวหน้าทางวิชาการตามยุคสมัย”

การเริ่มต้นโบสถ์นั้นเริ่มต้นที่จะกระทำความผิดพลาด สาวกได้มีแนวความคิด

Tuesday, November 25th, 2014

คำว่าโบสถ์นั้นไม่เคยมีเจตนาเพื่อที่จะให้เป็นองค์กร หรือเป็นรูปแบบบริษัท ที่ทำกิจการค้า แสวงหารายได้ แต่แทนที่ด้วยการหมายความว่า เป็นกลุ่มของคน (พระกายของพระเยซูคริสต์มารวมตัวกัน) แบ่งปันความเชื่ออย่างธรรมดาสามัญซึ่งพระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้า ประชากรกลุ่มคนเหล่านี้นั้นได้ยึดถือคำสอนพระคำของพระเจ้า เหมือนที่พระเยซูคริสต์ได้สอนสิ่งเหล่านั้นต่อสาวกของพระองค์ โบสถ์นั้นไม่ได้หมายถึงตึก อาคาร สิ่งปลูกสร้างใดๆ หรือทฤษฎีวิธีการนมัสการ แต่เป็นสถานที่ธรรมดาสามัญ สำหรับการนมัสการพระเจ้า ผ่านทางการบัพติสมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่ซึ่งมีทางเดียวผ่านทางพระเยซูคริสต์ เท่านั้น โบสถ์เริ่มต้นหลังจาก 7 วันที่พระเยซูคริสต์ได้เรบเจอร์ กลับสู่สวรรค์ ใน วันเพ็นเทคอสต์ สาวกทั้งสิบเอ็ดคนได้รวบรวมกลุ่ม 108 คนของกลุ่มสาวกอื่นๆ เข้าด้วยกันทำให้มีจำนวนคนทั้งหมด 119 คนที่ได้เข้ารวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน

ถึงแม้วันแรกของการเริ่มต้นโบสถ์นั้นเริ่มต้นที่จะกระทำความผิดพลาด สาวกได้มีแนวความคิดว่า เพราะว่าพวกเขาได้สูญเสียสาวกหนึ่งคน ซึ่งชื่อว่ายูดาส อิสคาริโอท พวกเขาได้เริ่มต้นที่จะแสวงหาสาวกให้ครบสิบสองคน จากนั้นพวกเขาได้เริ่มต้นเลือกจาก กลุ่มของสาวก 108 คน ที่ติด ตามเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์และได้เสนอชื่อ โยเซฟ ยุสทัส ผู้ซึ่งเรียกว่า บารซับบาส และ มัทธิอัส หลังจากสองคนได้ถูกรับเลือก พวกเขาได้จับฉลาก เลือกว่าผู้ใดเหมาะสมและเป็น มัทธิ-อัส เขาทั้งหลายจึงเสนอชื่อคนสองคน คือโยเซฟที่เรียกว่าบารซับบาส มีนามสกุลว่ายุสทัส และมัทธีอัส  แล้วพวกสาวกจึงอธิษฐานว่าพระองค์เจ้าข้า ผู้ทรงทราบใจของมนุษย์ทั้งปวง ขอทรงสำแดงว่าในสองคนนี้พระองค์ทรงเลือกคนไหน ให้รับส่วนในการปรนนิบัตินี้ และรับตำแหน่งเป็นอัครสาวกแทนยูดาส ซึ่งโดยการละเมิดนั้นได้หลงจากหน้าที่ไปยังที่ของตน

เขาทั้งหลายจึงจับฉลากกัน และฉลากนั้นได้แก่มัทธีอัสจึงนับเขาเข้ากับอัครสาวกสิบเอ็ดคนนั้นโน้ต ความผิดพลาดนี้ที่ได้เกิดจากการกระทำของสาวกในวันนั้น แบ่งแยกออกเป็นสองส่วน ความผิดแรก สาวกได้ตกลงกันในบรรดาพวกเขาเองเรื่องที่พวกเขาควรจะมีสาวกสิบสองคนแทนยูดาส เพราะว่าพวกเขาไม่เคยที่จะได้รับมอบสิทธิอำนาจที่จะกระทำสิ่งนี้อย่างเป็นทางการความผิดที่สอง  พวกเขาได้มีจุดประสงค์ของการเลือกอย่างรวดเร็วซึ่งจะเห็นได้ว่า เหลือเพียงสองคนที่ได้เลือกมาเป็นสาวกในสิบสองคน แทนที่พวกเขาจะทำการโหวตเสียง ในกรณีนี้ไม่ว่าอะไรก็ตามที่พวกเขาได้กระทำ นั้นเป็นความผิดพลาด เพราะพวกเขาได้ถือสิทธิ์ ว่าพวกเขาได้มีสิทธิอำนาจที่จะกระทำอย่างเป็นทางการถ้าสาวกได้รอคอยพระเจ้าว่าผู้ใดที่จะส่งมาให้พวกเขา และพระเยซูคริสต์ได้กำหนดแต่งตั้งสาวกคนที่สิบสอง พวกเขาจะได้เห็นการเตรียมการโดยเจตนาเอาไว้เป็นอัครทูต เปาโล และไม่ใช่ มัทธิอัส ผู้ซึ่งที่พวกเขาได้เลือกโดยการจับฉลาก

โบสถ์ คัมภีร์เบเบิ้ล เป็นเครื่องมือในการสื่อสารระหว่างพระเจ้าและมนุษย์

Friday, October 31st, 2014

การเผยแพร่ศาสนาคริสต์มีการเผยแพร่ไปทั่วโลก ทำให้มีการรวบรวมคำสอนในรูปแบบของคัมภีร์ไบเบิ้ลจากตัวแทนผู้บอกเล่าหรือสื่อสารกับพระเจ้าเพียงผู้เดียว ทำให้มนุษย์สามารถศึกษาศาสนาผ่านคัมภีร์ไบเบิ้ลได้ จากระยะเวลายาวนานมีการเผยแพร่ไปทั่วโลก ทุกชนชาติ ทุกภาษา และสามารถให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน

คัมภีร์ไบเบิ้ลเปรียบได้กับเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างพระเจ้าและมนุษย์ อีกทั้งมนุษย์ยังมีการพัฒนาคัมภีร์อยู่เสมอ เพื่อให้ตนเองใกล้ชิดกับพระเจ้ามากขึ้น แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ คัมภีร์ไบเบิ้ลไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ยังมีการพัฒนาต่อไป และคำสอนก็ยังคงอยู่มาตลอด ทำให้มีการแปลไปในหลายๆภาษา ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย อาจจะแตกต่างก็ตรงที่จำนวน เพราะบางพื้นที่รับการเผยแพร่น้อย บางพื้นที่ก็ยอมรับการเผยแพร่มาก นักวิชาการได้ให้ความเห็นว่า กว่าจะมาเป็นคัมภีร์ไบเบิลในทุกวันนี้ มนุษย์ก็เป็นพลังส่วนหนึ่งในการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า

ในปัจจุบันมีการก่อสร้างโบสถ์ เพื่อให้ผู้ที่นับถือศาสนาเข้าไปทำพิธีกรรมต่างๆ เช่น การล้างบาป การสารภาพบาป หรือใช้เป็นพิธีแต่งงาน ซึ่งโบสถ์นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้ที่นับถือ อีกทั้งโบสถ์ที่สร้างขึ้นยังมีความสวยงามมีศิลปะและสถาปัตยกรรมที่งดงาม ถึงแม้ประเทศจะเป็นเมืองพุทธ แต่ก็ไม่มีการปิดกั้นด้านศาสนา ทำให้มีโบสถ์คริสต์เกิดขึ้นอยู่มากมาย โดยศาสนาคริสต์เป็นอีกศาสนาหนึ่งที่ผู้คนนับถือเป็นจำนวนมาก เพราะเหตุนี้จึงทำให้ในประเทศไทยมีโบสถ์คริสต์เกิดขึ้นมากมาย เนื่องจากใช้เป็นศูนย์รวมจิตใจให้แก่ผู้นับถือและยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามให้กับคนในชุมชน นอกจากนี้การท่องเที่ยวไทยยังได้จัดให้โบสถ์คริสต์บางแห่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยแต่ละที่มีสิ่งที่น่าสนใจแตกต่างกัน

ศาสนาคริสต์ในประเทศไทยที่นิยมนับถือมีอยู่หลักๆ 2 นิกาย คือ นิการโรมันคอทอลิก และนิกายโปรเตสแตนด์ และมีวิธีการเรียกที่แตกต่างกัน เช่นคาทอลิกจะเรียกว่าโบสถ์ ส่วนโปรเตสแตนด์จะเรียกโบสถ์ของตนเองว่า คริสตจักร และมีรูปแบบการสร้างที่แตกต่างกัน

ศาสนาคริสต์ มีโบสถ์ วิหาร ใช้เป็นที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนาต่าง ๆ ของคริสตชน

Thursday, September 25th, 2014

โบสถ์ เป็นสถานที่สำหรับสวดมนต์อ้อนวอนขอพร และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า และใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ เช่น พิธีแต่งงาน พิธีมิสซา คริสตศาสนิกชนจะต้องไปเข้าโบสถ์ในวันอาทิตย์ เพื่อสวดมนต์ฟังธรรม สารภาพบาป และขอพรจากพระเจ้า เมื่อเกิดพิธีกรรมก็ต้องมีศาสนสถานเกิดขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางของผู้คนในศาสนาคริสต์ที่จะไถ่บาปหรือร่วมทำพิธีกรรม ส่วนในเรื่องของความเชื่อก็ได้สื่อออกมาในรูปแบบของงานสถาปัตยกรรมตามความเชื่อทางศาสนาและงานจิตรกรรมภายในโบสถ์อย่างสวยงามในทางคริสต์ศาสนา โบสถ์ อาคารหรือสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์มารวมกันเพื่อประกอบพิธีหรือทำศาสนกิจร่วมกัน คำว่าโบสถ์ในภาษาอังกฤษ หรือ “church” อาจมีความหมายกว้างขึ้นหมายถึง คริสตจักร ซึ่งคริสตจักรในความหมายตามพระคัมภีร์ หมายถึง ประชากรหรือชุมชนของพระเจ้า พระคัมภีร์เดิมฉบับแปลกรีก (เซปทัวจินต์) ใช้คำกรีกคำนี้เพื่อแปลคำว่า “ชุมชน” คริสตศานาในประเทศไทย มีหลายนิกาย แต่ละนิกายจะมีจารีตและการใช้คำ สัญลักษณ์ที่แตกต่างกันนิกายที่มีประชาชนรู้จักและนับถือกันมากมีอยู่ 2 นิกาย คือ นิกายโรมันคาทอลิก (คริสตัง)และนิกายโปรเตสเเตนต์(คริสเตียน) แต่ละนิกายจะมีวิธีเรียกที่แตกต่างกันเช่น นิกายโรมันคาทอลิคจะเรียกโบถส์ของตนเองว่า โบสถ์ เช่น โบสถ์พระแม่มารี โบสถ์ในนิกายนี้จะตกต่างด้วยสถาปัตยกรรมยุโรบ ประดับประดาด้วยรูปปั้นต่างๆ แต่นิกายโปรแตสแตนส์จะเรียนกโบถส์ของตนเองว่า คริสตจักร เช่น คริสตจักรพระสัญญา อาคารของโบสถ์จะเน้นความเรียบง่ายเหมือนอาคารทั่วไป ไม่เน้นรูปเคารพหรือรูปปั้น อาจจะมีไม้กางเขนเล็กพอเป็นเครื่องหมาย แสดงถึงอาคารทางด้านศาสนกิจเท่านั้น

นิกายโรมันคาทอลิก เรียกโบสถ์ของตนว่า “วัด” เช่น วัดพระแม่มารี วัดเซนต์หลุยส์ วัดกาลหว่าร์ วัดแม่พระประจักเมืองลูร์ด วัดนักบุญยอแซฟ ฯลฯ โดยทั่วไป อาคารของโบสถ์มักมีลักษณะของสถาปัตยกรรมยุโรป ที่ต่างจากอาคารที่พักอาศัย เน้นความศิลปะและยิ่งใหญ่ ประดับด้วยรูปปั้นต่างๆ อย่างไรก็ตามในท้องถิ่นทุรกันดารอาจสร้างแบบเรียบง่ายก็ได้ นิกายโปรเตสแตนต์ เรียกโบสถ์ของตนว่า “คริสตจักร” เช่น คริสตจักรพระสัญญา ฯลฯ อาคารของโบสถ์เน้นความเรียบง่าย ดูเหมือนอาคารทั่วไป ไม่เน้นรูปปั้นรูปสลัก มีไม้กางเขนประดับเป็นเครื่องหมายถึงอาคารทางศาสนกิจเท่านั้นศาสนสถานของศาสนาคริสต์ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญและเป็นศูนย์ร่วมของศาสนาคริสต์ในทุกเรื่อง มีความหมายสำหรับทุกคนและเป็นสถานที่เผยแผ่ เก็บรักษาพระคัมภีร์ไบเบิล  ซึ่งเป็นหนังสืออันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนายิวและคริสต์ศาสนา และสืบทอดศาสนาคริสต์ต่อไป

 

การขออนุญาตใช้โบสถ์เพื่อทำพิธีแต่งงานแบบคริสต์

Wednesday, August 27th, 2014

หัวใจของพิธีแต่งงานในศาสนาคริสต์

คือการกล่าวคำมั่นสัญญา ซึ่งหมายถึงการทำพันธสัญญาต่อพระเจ้า ด้วยการกล่าวคำปฏิญาณต่อพระองค์ โดยมีแขกที่มาร่วมในพิธีเป็นพยาน ชาวคริสต์ถือว่าโบสถ์คือความศักดิ์สิทธิ์ และเชื่อว่าพระเจ้าอยู่ที่นี่ จึงรู้สึกดีและรู้สึกถึงความเป็นมงคล แต่มีบางคู่ที่ต้องแต่งงานกันข้างนอกหรือสถานที่อื่น เพราะบาทหลวงหรือศิษยาภิบาลไม่ให้เข้าไปแต่งงานในโบสถ์ อย่างเช่นคู่รักต่างศาสนาที่ยังไม่ได้รับการอบรมการเป็นชาวคริสต์ หรือคู่ที่ท้องก่อนแต่ง อาจารย์บางท่านอาจพิจาณาเหตุและผลที่เหมาะสม และประกอบพิธีให้ แต่ต้องไม่ใช่ในโบสถ์ หรือบางท่านที่อนุรักษ์นิยมมาก ก็จะไม่ประกอบพิธีให้เลย

สิ่งแรกไม่แตกต่างกับงานแต่งงานทั่วไป คือ การสู่ขอ จองสถานที่ จัดงานเลี้ยง พิมพ์และส่งการ์ดเชิญ โดยที่สำคัญคือ จองโบสถ์ และการจองผู้ประกอบพิธีกรรม คือ บาทหลวง (สำหรับคาทอลิก) หรือศิษยาภิบาล (สำหรับคริสเตียนหรือโปรแตสแตนท์) การเลือกวันและสถานที่ จัดพิธีแต่งงาน พร้อมการปรึกษาหารือกับบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายด้วย ซึ่งสามารถขอคำปรึกษาเกี่ยวกับพิธีแต่งงานในโบสถ์ได้จากบาทหลวงหรือศิษยาภิบาล การเริ่มต้นก่อนวันสมรสด้วยการซ้อมใหญ่ มักจะทำการซ้อมในคืนก่อนวันสมรส โดยพระผู้ประกอบพิธีกรรม คู่บ่าวสาว และผู้ร่วมพิธีทุกคนจะมาพร้อมกันที่โบสถ์ เพื่อซ้อมลำดับพิธีกรรมทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบตามธรรมเนียม

ก่อนที่จะเริ่มเข้าพิธีแต่งงานแบบคริสต์นั้น คู่บ่าวสาวจะต้องทำการเข้ารับการอบรมการใช้ชีวิตคู่อย่างน้อย 2-3 เดือน ถึงแม้ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไม่ได้เป็นคาทอลิคก็ตาม เนื้อหาในการอบรมส่วนใหญ่จะพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับ ความหมายและศีลธรรมของการใช้ชีวิตคู่ วิธีวางแผนครอบครัว การครองเรือน การเลี้ยงดูบุตร และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องในครอบครัว เป็นต้น ซึ่งเนื้อหาของการอบรมถือได้ว่า เป็นประโยชน์กับชีวิตหลังการแต่งงาน คู่รักหนุ่มสาวอาจจะทำการปรึกษาบาทหลวงผู้ทำพิธี เพื่อขอคำแนะนำเรื่องเวลาสถานที่ในการอบรมหรือให้การอบรมโดยตรงก็ได้

การติดต่อพูดคุยกับบาทหลวง

เพื่อทำการขออนุญาตใช้โบสถ์เป็นสถานที่จัดงานวันสำคัญของคุณล่วงหน้าเป็น เวลาอย่างน้อย 4-5 เดือน เจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะต้องทำการเตรียมเอกสารสำคัญต่างๆอย่างเช่น ใบเอกสารเพื่อขอจัดพิธีสมรส ซึ่งมีบาทหลวงเป็นพยาน เมื่อจบพิธีแต่งงานแบบคริสต์ในโบสถ์แล้ว คู่รักบ่าวสาวก็จะเดินออกมา บรรดาแขกเหรื่อในงานก็จะช่วยกันทำการโปรยกลีบดอกไม้ และทำการเดินกันออกมาที่หน้าบริเวณโบสถ์ เจ้าสาวก็จะทำการโยนช่อดอกไม้ในมือไปให้กับบรรดาแขกผู้มาร่วมงาน หญิงสาวที่ยังโสดก็จะรีบออกมารับเป็นที่สนุกสนาน หลังจากนั้นก็อาจมีการฉลองหรือทำการรับประทานอาหารร่วมกัน

ในทางคริสต์ศาสนาโบสถ์เป็นสถานที่ที่สำคัญเพื่อมารวมกันเพื่อประกอบพิธี

Monday, July 28th, 2014

5

ในทางคริสต์ศาสนา โบสถ์ หมายถึงอาคารหรือสถานที่ที่ผู้นับถือศานาคริสต์มารวมกันเพื่อประกอบพิธีหรือ ทำศาสนกิจร่วมกันอาคาร “โบสถ์” คือ อาคารศักดิ์สิทธิ์สร้างขึ้นเพื่อนมัสการพระเจ้าเป็นสถานที่ซึ่งบรรดาสัตบุรุษรวมตัวกันปฏิบัติคารวกิจสาธารณะ อาคารโบสถ์หมายถึง “บ้านของพระเจ้า” ด้วย คือบ้านที่มีไว้เพื่อให้ประชากรของพระมาชุมนุมพร้อมกันประกอบพิธีกรรมการมา ชุมนุมกันเพื่อนมัสการพระเจ้า เป็นเอกลักษณ์ประการหนึ่งของวิถีชีวิตคริสตชน และคริสตชนสำนึกตนเองว่าเป็นประชากรของพระเจ้า และพวกเขาก็มารวมตัวกันถวายนมัสการในฐานะที่เป็นประชากร คำว่า “โบสถ์” มาจากคำภาษากรีกว่า “ekklesia” ตรงกับคำภาษาลาตินว่า “ecclesia” ความหมายตามตัวอักษร “ekklesia” คือผู้ได้รับเรียก ให้เรารวมตัวกัน หมายถึง ตัวอาคารโบสถ์ซึ่งเป็นสถานที่ให้การต้อนรับผู้ที่มาชุมนุมกันนี้ ความหมายของคำว่า “โบสถ์” มีพัฒนาการอันยาวนานตลอด

ลานหน้าโบสถ์ถือว่ามีความสำคัญมากที่จะต้องมีเผื่อไว้ เพราะลานนี้จะแสดงออกซึ่งคุณค่าของการให้การต้อนรับเป็นด่านแรก ดังนั้น อาจออกแบบเป็นรูปลานหน้าโบสถ์ที่มีเสาเรียงรายรองรับซุ้มโค้งอยู่โดยรอบๆ ด้าน หรือรูปแบบอย่างอื่นที่จะส่งผลคล้ายคลึงกัน บางครั้งก็ใช้ลานดังกล่าวในการประกอบพิธีด้วย หรือบางทีก็ใช้เป็นทางผ่านเข้า เป็น “ตัวเชื่อมโยง” ระหว่าง “ภายนอกโบสถ์” และ “ภายในโบสถ์” โดยจะต้องไม่ให้ส่งผลกระทบที่กลายเป็นการปิดกั้น แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อการปรับสภาพจิตใจจากความสับสนวุ่นวายของชีวิตภายนอกเตรียมจิตใจเข้าสู่ความสงบภายในโบสถ์

คริสตศานาในประเทศไทยมีหลายนิกาย แต่ละนิกายจะมีจารีตและการใช้คำ สัญลักษณ์ที่แตกต่างกันนิกายที่มีประชาชนรู้จักและนับถือกันมากมีอยู่ 2 นิกาย คือ นิกายโรมันคาทอลิก และนิกายโปรเต สเเตนต์ (คริสเตียน) แต่ละนิกายจะมีวิธีเรียกที่แตกต่างกันเช่น นิกายโรมันคาทอลิคจะเรียกโบถส์ของตนเองว่า โบสถ์ เช่น โบสถ์พระแม่มารี โบสถ์ในนิกายนี้จะตกต่างด้วยสถาปัตยกรรมยุโรบ ประดับประดาด้วยรูปปั้นต่างๆ แต่นิกายโปรแตสแตนส์จะเรียนกโบถส์ของตนเองว่า คริสตจักร เช่น คริสตจักรพระสัญญา อาคารของโบสถ์จะเน้นความเรียบง่ายเหมือนอาคารทั่วไป ไม่เน้นรูปเคารพหรือรูปปั้น อาจจะมีไม้กางเขนเล็กพอเป็นเครื่องหมายแสดงถึงอาคารทางด้านศาสนกิจเท่านั้น

การทำบุญด้วยการสร้างโบสถ์และอานิสงส์จากการสร้างโบสถ์

Monday, June 30th, 2014

การสร้างวัดนั้นจำเป็นจะต้องอาศัยทั้งกำลังทรัพย์และกำลังคนเป็นอย่างมาก เพราะต้องสร้างวัดให้มีความเพียบพร้อมโดยเฉพาะโบสถ์ซึ่งเป็นสถานที่ต้องใช้เพื่อการทำสังฆกรรมสำคัญๆ เช่น การอุปสมบท นอกจากนี้โบสถ์ที่สร้างขึ้นยังสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง อย่างเช่น เป็นอาคารอเนกประสงค์โดยใช้เป็นที่ประชุมหรือแสดงธรรม ใช้ทำวัตรเช้าค่ำและใช้เป็นที่พักชั่วคราวสำหรับพระอาคันตุกะ ฉะนั้นผู้ที่สร้างโบสถ์ถวายจึงได้บุญกุศลมากมายทั้งชาตินี้และชาติหน้า

ชาตินี้ ผู้ที่ถวายโบสถ์ ย่อมได้ความปลื้มปีติสุขอย่างสูง เมื่อพระสงฆ์ได้ใช้โรงอุโบสถ์ที่ตนสร้างถวายอย่างคุ้มค่า เกียรติคุณของผู้ถวายย่อมฟุ้งขจร

ชาติหน้าผู้ที่ถวายโบสถ์ เมื่อถึงแก่กรรมแล้วย่อมได้ไปเกิดในที่ดี มีความสะดวกสบายที่เรียกว่า สุคติโลกสวรรค์ อันเพียบพร้อมด้วยสิ่งที่ประเสริฐ

การผูกพันธสีมาและฝังลูกนิมิต เมื่อมีโบสถ์แล้วเป็นหน้าที่ของฝ่ายพระสงฆ์ ที่จะต้องมีพิธีผูกพัทธสีมารวมถึงการเตรียมลูกนิมิตไว้พร้อม ทั้งนี้จำเป็นต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามพระวินัยพุทธบัญญัติก่อน พระสงฆ์จึงกระทำสังฆกรรมที่กำหนดไว้ในพระวินัยได้ นอกจากนี้การสร้างลูกนิมิตจะส่งผลให้ไม่ว่าเราจะนึกทำสิ่งใดก็จะทำให้สำเร็จโดยเร็วฉับพลัน สิ่งดีๆ จะเข้ามาในชีวิต ประกอบการค้าขายก็เจริญก้าวหน้า ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนก็จะแคล้วคลาดปลอดภัย จิตใจของเราจะหนักแน่น จะไม่ท้อแท้ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดที่มากระทบและเมื่อตั้งใจจะทำสิ่งใดก็สำเร็จได้ดังใจปรารถนาโดยสมบูรณ์เหมือนดั่งที่ลูกนิมิต

ดังนั้นอานิสงส์ในการสร้างโบสถ์จะส่งผลให้ครอบครัวและการงานจะเป็นบึกแผ่น ไม่คลอนแคลนไม่ล้มเป็นฐานของบุญอันยิ่งใหญ่ของครอบครัวและเครือญาติ จะมีความอบอุ่น รักใคร่ปรองดองกัน ไม่ว่าจะเกิดชาติใด ก็จะเป็นคนมีหลักฐานมั่นคง ซึ่งจะเห็นว่าการร่วมทำบุญไม่ว่าจะทำบุญในด้านไหนก็ล้วนแล้วแต่จะช่วยให้เรามีความสุขทั้งทางกายและใจและยังช่วยให้บุญที่ทำนั้นส่งผลให้ชีวิตของเรามีการดำรงชีวิตที่ดีขึ้นอีกทั้งทำให้เราได้บุญอีกด้วย

ร่วมกันสร้างโบสถ์เพื่อบริการผู้ที่มาสักการบูชาและร่วมทำบุญ

Tuesday, May 27th, 2014

โบสถ์ ถือเป็นสิ่งสำคัญภายในวัดเนื่องจากเป็นสถานที่ที่พระภิกษุสงฆ์ใช้ทำสังฆกรรม ซึ่งสมัยก่อนในการทำสังฆกรรมของพระภิกษุสงฆ์จะใช้เพียงพื้นที่โล่งๆ แต่ในปัจจุบันจากการมีผู้คนบวชมากขึ้น และภายในพระโบสถ์มักจะประดิษฐานพระประธานที่เป็นพระพุทธรูปองค์สำคัญๆ ทำให้มีผู้คนมาสักการบูชาและร่วมทำบุญเป็นจำนวนมาก โบสถ์จึงถูกสร้างขึ้นเป็นอาคารถาวรและจะมีการประดับตกแต่งอย่างสวยงาม

ในสมัยโบราณโบสถ์สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประกอบศาสนกิจของสงฆ์เพียงอย่างเดียว เช่น อุปสมบท หรือสังฆกรรมต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลทั่วไป โบสถ์จึงมีความสำคัญน้อยกว่าวิหารเพราะผู้ใช้งานมีเพียงพระสงค์ไม่กี่รูป ซึ่งต่างจากวิหารที่จะใช้ประกอบพีธีต่างๆ ที่มีอุบาสก อุบาสิกา บุคคลทั่วไปเข้าไปร่วมประกอบพิธีด้วย จึงต้องสร้างให้มีขนาดที่ใหญ่รองรับคนจำนวนมาก ส่วนในปัจจุบัน นิยมสร้างโบสถ์กับวิหารรวมกัน คือสร้างให้เป็นโบสถ์และวิหารในหลังเดียวกัน ก็จะเห็นว่าทุกวัดมีโบสถ์หมดทุกวัด และคนทั่ว ๆ ไปก็สามารถเข้าไปประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ในโบสถ์ได้ด้วย

ซึ่งโบสถ์ถือได้ว่าเป็นสถานที่สำคัญซึ่งชาวบ้านธรรมดาไม่ควรเข้าไปใช้ เพราะถือว่าเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์หากจะเข้าไปได้ก็เพื่อกราบไหว้พระพุทธรูปเท่านั้น แต่ไม่ควรเข้าไปทำการสวดมนต์ เนื่องจากโบสถ์เปรียบเสมือนสถานที่ซึ่งทำหน้าที่คลอดพระภิกษุซึ่งเป็นภิกษุในพุทธศาสนาที่ประชาชนทุกคนให้ความเคารพนับถือ ดังนั้นโบสถ์นับว่าเป็นของสูงที่ชาวบ้านที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว

ตามความเชื่อที่ปฏิบัติกันมานั้นการร่วมทำบุญสร้างโบสถ์นั้นถือได้ว่าเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ซึ่งผู้ทำทานจะได้อานิสงส์สูงมาก จะเห็นได้ว่ามีวัดมากมายที่มีการร่วมทำบุญเพื่อสร้างโบสถ์เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกันทำนั้น จะเห็นได้บ่อยในงานพิธีฝังลูกนิมิต ผูกพัทธสีมา ยกช่อฟ้า หรืองานทอดกฐิน โดยเชื่อกันว่าอานิสงส์จากการทำบุญจะช่วยให้ผู้ทำบุญประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งหน้าที่การงาน มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีและมั่นคงรวมทั้งเป็นที่เคารพนับถือแก่คนอื่นๆ

ทำบุญด้วยการบริการสร้างโบสถ์เป็นอานิสงส์ยิ่งใหญ่ไพศาล

Monday, April 21st, 2014

โบสถ์หรืออุโบสถ นับว่าเป็นศาสนสถานสำคัญส่วนหนึ่งของวัด รองจากกุฏิหรือศาลา โบสถือได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของการเป็นพระภิกษุสงฆ์ และเป็นสถานที่สำคัญซึ่งชาวบ้านธรรมดาซึ่งไม่ใช่พระภิกษุไม่ควรเข้าใช้สถานที่ภายในของอุโบสถได้ จะมีก็แต่พระภิกษุสงฆ์เท่านั้นที่จะเข้าไปทำวัตรหรือสวดมนต์ภายในพระอุโบสถ เพราะถือว่าเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ หากชาวบ้านจะเข้าไปได้ก็เพียงเพื่อกราบไหว้พระพุทธรูปเท่านั้นแล้วก็กลับออกมา แต่ไม่ควรเข้าไปทำการสวดมนต์ หากจะสวดก็ควรเข้าไปในวิหารหรือโรงธรรม พระอุโบสถหรือโบสถ์เปรียบเสมือนเป็นสถานที่ซึ่งทำหน้าที่คลอดพระภิกษุซึ่งเป็นภิกษุในพุทธศาสนา ที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกคนให้ความเคารพนับถือ ดังนั้นโบสถ์จึงนับว่าเป็นของสูงที่ชาวบ้านที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย

400-lpa170611.1

ในฐานะที่โบสถ์มีความสำคัญ และจำเป็นสำหรับ 2 งานใหญ่ของสงฆ์ คือ

1. เป็นที่ทำสังฆกรรมหรือพิธีของสงฆ์ พูดย่อๆ นะ โบสถ์เป็นเหมือนจำลองเอาอายตนนิพพานมาไว้บนพื้นมนุษย์ เพื่อให้พระสงฆ์ได้ทำสังฆกรรมกัน ด้วยความรู้สึกเหมือนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้นพระภิกษุทุกรูปต่างต้องชำระศีลของตนให้บริสุทธิ์ก่อนเข้าโบสถ์ เพื่อทำสังฆกรรม เพราะฉะนั้นผู้สร้างโบสถ์จึงได้รับบุญงบแรกนี้ นับเป็นบุญใหญ่ทีเดียว
 2. โบสถ์ใช้เป็นที่สำหรับบวชพระ ในพระวินัย กำหนดว่าพระต้องบวชในโบสถ์ บวชนอกโบสถ์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นโบสถ์จึงเหมือนกับเป็นที่ยกระดับจิตใจของคน คือยกระดับจากคนธรรมดาให้เป็นพระ ซึ่งเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย ผู้สร้างโบสถ์ถวายไว้ในพระศาสนา จึงได้บุญนี้อีกงบหนึ่ง

บุญ 2 งบนี้มีอานิสงส์ว่าเกิดไปกี่ภพกี่ชาติจะมีบุญติดตัวไปว่าจะทำความดีเมื่อไหร่ หรือจะกลั่นกาย วาจา ใจ ให้ใสหมดกิเลสเมื่อไหร่ก็สามารถทำได้ง่ายกว่าคนอื่น

ตามความเชื่อที่มีกันมาอย่างยาวนานว่าการร่วมทำบุญสร้างพระอุโบสถนั้นผู้ทำทานจะได้อานิสงส์สูงมาก ซึ่งมักจะเห็นกันบ่อยๆในงานพิธีฝังลูกนิมิตหรือผูกพัทธสีมาตลอดจนยกช่อฟ้า เชื่อกันว่าอานิสงส์จากการทำบุญจะช่วยเสริมให้ผู้ทำประสบความสำเร็จในชีวิต มีฐานะความเป็นอยู่ดีและมั่นคง และทำให้เป็นที่เคารพนับถือแก่บุคคลทั่วไป

 

การเลือกที่ก่อตั้งโบสถ์เพื่อเป็นสถานที่บริการให้กับประชาชนได้เข้าไปสักการะ

Thursday, March 20th, 2014

 

กล่าวกันว่าการสร้างโบสถ์นั้นจะต้องพิถีพิถันเลือกพื้นที่เป็นพิเศษ พื้นที่นั้นจะต้องบริสุทธิ์สะอาดปราศจากมลทินทั้งปวง อันที่จริงนั้นการก่อสร้างใดๆ ก็ตามในพระพุทธศาสนา มักจะมีการเลือกพื้นที่ที่สะอาดบริสุทธิ์ด้วยกันทั้งสิ้น แม้แต่องค์พระเจดีย์เองก็ปรากฏกล่าวถึงในตำนานโบราณเสมอว่า ในการเลือกที่สร้างนั้นต้องพิจารณาแม้เนื้อดิน ตลอดจนกลิ่นและสีของดินด้วยซ้ำไป เช่น ที่มีกล่าวไว้ในคัมภีร์ถูปวงศ์ ตำนานว่าด้วยการสร้างพระสถูปเจดีย์ เป็นต้น

ที่กล่าวมานี้เป็น การเลือกชนิดดินในทางด้านวัตถุเท่านั้น ดังได้กล่าวมาแล้ว สำหรับการสร้างโบสถ์นั้นต้องพิจารณาถึงความบริสุทธิ์ของพื้นดินให้ลึกซึ้งยิ่งไปกว่านั้น สถานที่ที่จะสร้างโบสถ์จะต้องมีความบริสุทธิ์ในการใช้สอยก่อนหน้านี้มาด้วย เช่น

-ไม่เคยเป็นสุสานหรือเคยเป็นเชิงตะกอนมาก่อน
-ไม่เคยเป็นที่ประหาร
-หรือไม่เคยเป็นที่ใดๆ ที่มีการใช้งานที่เป็นอัปมงคลมาก่อน

โบสถ์ที่สร้างในน้ำในกรณีที่ต้องการความ บริสุทธิ์ของพื้นที่ปลูกสร้างเป็นพิเศษ ตัวโบสถ์จะต้องอยู่ห่างจากฝั่ง ชั่วระยะวักน้ำสาดไม่ถึง และเมื่อพระภิกษุ ข้ามจากฝั่งมายังโบสถ์แล้ว จะต้องชักสะพานออกไม่ให้มีสิ่งเชื่อมต่อระหว่าง ฝั่งกับตัวโบสถ์และในการสร้างโบสถ์ใหม่ทุกครั้ง พระสงฆ์จะต้องประกอบพิธีถอนความไม่บริสุทธ์ิใดๆ ที่อาจมีในพื้นที่นั้นเสียก่อน

ในการสวดถอนของคณะสงฆ์นั้น พระภิกษุจะห่างกันในระยะหัตถบาสจนเต็มพื้นที่ที่จะต้องการสวดถอน ถ้าไม่อาจหาพื้นดินบริสุทธิ์ได้ก็จะกระทำสังฆกรรมกันกลางน้ำ โดยชักสะพานหรือสิ่งที่ทอดข้ามติดต่อระหว่างโบสถ์น้ำหรืออุทกเขปกับฝั่งออก เพื่อตัดความเชื่อมโยงระหว่างพื้นดินที่ไม่บริสุทธิ์กับแพ หรือเรือที่ใช้ทำสังฆกรรม ในกรณีที่ใช้โบสถ์เก่าก็มักจะทำให้บริสุทธิ์ขึ้นมาใหม่ ด้วยการสวดและผูกสีมาทับซ้อนของเดิม ดังนั้นเราจึงเห็นวัดโบราณบางวัด มีหลักสีมาสองหรือสามหลัก